วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่


   สวัสดีปีใหม่แล้ว ร่วมกันรับขวัญปีใหม่  ก็ต้องขอสวัสดีคุณผู้อ่านประจำบล็อกแม็กทุกท่านนะครับ
ก็สำหรับ content นี้ก็มาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2013 | 2556 นั่นเองนะครับ แม็กก็ต้องขอขอบคุณ คุณผู้อ่านนะฮะ ที่ติดตามผลงานบนบล็อกของแม็กมาตลอดปี 2555 เลยนครับ และแม็กจะพยายามหาสิ่งที่ดีมานำเสนอให้คุณผู้อ่าน ได้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ อีกทั้งปี 2556 เลยนะครับ

  ยังไงก็สามารถแนะนำ ติ-ชม มาได้เหมือนเดิมนะครับ อยากให้มีอะไรเพิ่้ม หรือปรับอะไรนะครับ ทั้งเว็บไซต์ hpprince.thport.com  และเว็บน้องใหม่ dekloadza.blogspot.com ครับ ฝากด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ปีหน้า 2556 ครับผม ^___^


คำอวยพรจาก webmaster pj.mag



  ขอบคุณ youtube สำหรับพื้นที่วิดีโอ




วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

'คอตีบ' โรคที่ไม่ควรมองข้าม

              โอ๊ยยยย !! เจ็บ !! โอ๊ยยย !! ปวด  โอ๊ยเจ็บ โอ๊ยปวดๆๆ จนทนไม่ได้ ..... 
สวัสดีทักทายกับผู้อ่านต้นเดือน พฤศจิกายนกับผม นายแม็ํกกี้ครับ อย่าเพิ่งแปลกใจว่าเอ๊ะ กระผมนายแม็กกี้ เป็นอะไร ไปทำอะไรมาถึงมาบ่น เจ็บๆ ปวดๆ นะครับ นั่นก็เพราะว่าวันนี้ 
กระผมนายแม็กกี้ ได้ไปฉีดรับวัคซีน 'คอตีบ' หรือ Diphtheria (ศัพท์แพทย์) มานั่นเองนะครับ  เหตุเพราะว่า โรคคอตีบกลับมาระบาดอีกครั้ง ในประเทศไทย และล่าสุดพบมีผู้่ป่วยติดเชื้อแล้วกว่า 100 ราย ใน 15 จังหวัดนั่นแหละครับ สามารถหาอ่านข่าวเพิ่มเติมนี้ได้ที่ ไทยรัฐออนไลน์คลิกครับ เพราะวันนี้แม็กไม่ได้จะมาอ่านข่าวให้กับผู้อ่านนะครับ แต่ผมจะมาพูดถึง รายละเอียดและการป้องกันของโรคคอตีบครับ เพราะโรคคอตีบเนี้ย ที่เราๆๆ เคยฉีดกันตอนเด็กๆๆ นะครับหลังจากฉีดแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้นนะครับ นั่นหมายความว่าหลังจากนั้นร่างกายเราจะหมดภูมิคุ้มกันครับ 

  โรคคอตีบ 

โรคคอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคเกิดจากทางเดินหายใจติดเชื้อแบคทีเรีย ชนิด Chorynebacterium diphtheriae ปัจจุบัน เป็นโรคพบได้น้อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่อง จากมีการฉีดวัคซีนป้องกัน โรคนี้ตั้งแต่เป็นทารกอายุ 2 เดือนอย่างทั่วถึง แต่ยังเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศในเขตร้อนที่ยังไม่พัฒนา หรือ กำลังพัฒนารวมทั้งประเทศไทย เพราะการขาดแคลนวัคซีน หรือเด็กไม่ได้รับวัคซีนเพราะคลอดเองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เป็นโรคของเขตร้อน แต่ก็สามารถพบโรคเกิดได้ทั่วโลก รวมทั้งเคยมีการระบาดมาแล้วในประเทศเยอรมัน และประเทศแคนาดา

มีอาการแสดงอย่างไร

อาการของโรคคอตีบมักเกิดหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน (ระยะฟักตัวของโรค) แต่อาจนานได้ถึง 10 วัน และผู้ป่วยมักมีอาการอยู่ได้นานถึง 4-6 สัปดาห์ หรืออาจนานกว่านี้ ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
อาการพบบ่อยของโรคคอตีบ คือ
  • มีไข้ มักไม่เกิน 39 องศาเซลเซียส อาจรู้สึกหนาวสั่น
  • อ่อนเพลีย เจ็บคอมาก กิน/ดื่มแล้วเจ็บคอมาก จึงกิน/ดื่มได้น้อย
  • หายใจลำบาก หายใจไม่ออก หายใจเร็ว หอบ เหนื่อย
  • คออาจบวม และไอ เสียงดังเหมือนสุนัขเห่า
  • มีแผ่นเยื่อในจมูก ต่อมทอนซิล ลำคอ และกล่องเสียง ก่ออาการค่อยๆมีเสียงแหบลงเรื่อยๆ และน้ำมูกอาจมีเลือดปน
  • มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ บวม โต ซึ่งโตได้ทั้งสองข้าง
  • หลังจากมีอาการทาง ทางเดินหายใจแล้ว อาจพบมีแผลบริเวณผิวหนัง พบได้ทั่วตัว แต่พบบ่อยบริเวณ แขน และขา แผลมีลักษณะเหมือนแผลทั่วไป แต่เมื่อตรวจเชื้อจะพบว่าเกิดจากเชื้อโรคคอตีบ 

 แนวทางการรักษาและการวินิจฉัยของแพทย์

แพทย์วินิจฉัยโรคคอตีบได้จาก ประวัติอาการ ประวัติสัมผัสโรค ประวัติการฉีดวัคซีน การตรวจร่างกาย การตรวจย้อมเชื้อจากการป้ายสารคัดหลั่งจากโพรงหลังจมูก หรือจากลำคอ และอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ เช่น ตรวจเลือด ซีบีซี (CBC) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการเอกซเรย์ปอด
แนวทางการรักษาโรคคอตีบ มักเป็นการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสมอเพราะเป็นโรคที่มีอาการรุนแรง การรักษาได้แก่ การให้ยาต้านสารพิษของเชื้อ การให้ยาปฏิชีวนะ และการฉีดวัคซีนโรคคอตีบเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานต่อโรค

ผลข้างเคียงของโรคคอตีบ

ผลข้างเคียงจาก โรคคอตีบเกิดจากสารพิษแพร่กระจายเข้าสู่กระแสโลหิตและก่อให้เกิดโรคต่างๆดัง ได้กล่าวแล้ว ซึ่งที่อาจพบได้ คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (หอบ เหนื่อย นอนราบไม่ได้ บวม) และ ประสาทอักเสบ (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) ซึ่งถ้าเกิดกับประสาทกล้ามเนื้อหาย ใจ จะส่งผลให้หายใจเองไม่ได้
โรคคอตีบจัดเป็นโรครุนแรง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคขึ้นกับ การได้รับยาต้าน สารพิษและยาปฏิชีวนะอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 วันหลังมีอาการ ซึ่งช่วยลดอัตราเสียชีวิตลงเหลือประมาณ 1% แต่ถ้ามาพบแพทย์ล่าช้า หรือเมื่อผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 5 ปี หรืออายุสูงตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป หรือเกิดผลข้างเคียงแล้ว อัตราเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20%

การป้องกันตนเองจากคอตีบ

การป้องกันโรคคอตีบที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การฉีดวัคซีน ซึ่งเริ่มฉีดเมื่ออายุ 2 เดือน โดยอยู่ในรูปแบบของวัคซีนรวม โรคคอตีบ โรคบาดทะยัก และโรคไอกรน (DTP vaccine/ วัคซีน ดีพีที:Diphtheria, Tetanus และ Pertussis) ฉีดทั้งหมด 5 เข็ม เป็นระยะๆจาก อายุ 2 เดือน จนถึงอายุ 6 ปี ตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของกระทรวงสาธารณสุขของเรา พ.ศ. 2548 โดยเข็มแรกฉีดที่อายุ 2 เดือน เข็มที่ 2 อายุ 4 เดือน เข็มที่ 3 อายุ 6 เดือน เข็มที่ 4 อายุ 18 เดือน และเข็มที่ 5 อายุ 4-6 ปี ต่อจากนั้นฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-16 ปี เฉพาะวัคซีนคอตีบและบาดทะยัก (วัคซีน ดีที/DT) ไม่ต้องฉีดวัคซีนไอกรนเพราะเป็นโรคมักพบเฉพาะในเด็ก และต่อไปฉีดกระตุ้นทุกๆ 10 ปี เฉพาะวัคซีน ดีที
นอกจากนั้น คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ซึ่งที่สำคัญคือ
  • การรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน พื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็ง แรง ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆซึ่งรวมทั้งเชื้อโรคคอตีบ และลดการติดโรคที่ก่อให้ เกิดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ 
  • การรู้จักใช้หน้ากากอนามัย และ
  • การร่วมมือกันในชุมชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มีสุขอนามัยที่ดี
     ที่นี้ หวังว่าผู้อ่านหลายท่านคงเข้าใจในโรคคอตีบกันมากขึ้นแล้วสินะครับ อย่างไรก็ป้องกันตัวเอง ด้วยการพบแพทย์ ฉีดวัคซีนคอตีบป้องกันตัวเองไว้ดีทีุ่สุดนะครับ และพบกับแม็กใหม่ในcontent หน้านะครับ และแม็กจะนำเอาสาระดีๆๆ มาฝากกันอีกครับผม
 ......  บ๊าย บาย โอ๊ยๆๆ เจ็บๆๆ // twitter :tanaesuan (นายแม็กกี้)

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บรรจุ'พนักงานกระทรวงสาธารณสุข'แทนตำแหน่ง'ลูกจ้างชั่วคราว'

       หุหุ วันนี้แม็กมีอารมณ์ดีมาแต่ไกลเชียว ^___^ อยากรู้ละซิว่าแม็กอารมณ์็ดีอะไร เกี่ยวกับ content วันนี้อย่างไร ในวันดีๆ วันครบรอบ 4 ขวบเอชพีปริ๊นซ์ และวันฮัลโลวีน เช่นนี้
นั่นก็คือเรื่อง " บรรจุ'พนักงานกระทรวงสาธารณสุข'แทนตำแหน่ง'ลูกจ้างชั่วคราว'" ครับที่เราเห็นข่าว
พยาบาลมาประท้วงกันนะแหละครับ วันนี้แม็กมีข่าวคืบหน้ามารายงาน ไปติดตามพร้อมๆๆกันเลยครับ ^____^  ปู๊นๆๆๆๆ (- -' )

สธ.ล้างสถานะลูกจ้างชั่วคราว ผุด “พนักงานกระทรวงสาธารณสุข” แก้ปัญหาพยาบาลขอบรรจุเป็นข้าราชการ

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยกร่างระเบียบกระทรวงว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเสร็จเรียบ ร้อย รอเพียงให้กระทรวงการคลังเห็นชอบก็จะมีผลบังคับใช้ทันที และจะนำมาแก้ปัญหาให้กลุ่มพยาบาลที่มีสถานะเป็นลูกจ้างชั่วคราวซึ่งเรียก ร้องให้บรรจุเป็นข้าราชการ
ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างระเบียบดังกล่าวจะมีการปรับสถานะให้กลุ่มพยาบาลลูกจ้างชั่ว คราวเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (กสธ.) เพื่อรอบรรจุเป็นข้าราชการในภายหลัง 

ผมขอสรุปสิทธิของ'พนักงานกระทรวงสาธารณสุข'แทนลูกจ้างชั่วคราวแยกออกเป็นข้อๆดังนี้

1.พนักงานกระทรวงสาธารณสุขจะได้เงินเดือนมากกว่าข้าราชการ 1.2เท่า 
2.มีสิทธิการลาเท่ากับข้าราชการ
3.ใช้สิทธิการรักษาจากกองทุนประกันสังคม
4.  ไม่มีบำเหน็จบำนาญ แต่มีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสาธารณสุข กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสาธารณสุข หักเงินเข้ากองทุนทุกเดือนสะสมไปเรื่อยๆ ให้ผู้เชี่ยวชาญการเงินนำไปบริหารให้งอกเงย คาดว่าหากมี กสธ. 1 แสนคน จะมีเงินเข้ากองทุน 1 หมื่นล้านบาท 
5.สิทธิการรักษาพยาบาลสำหรับคนในครอบครัว และการเติบโตในสายงานอยู่ระหว่างการแก้ไขระเบียบบางประการเพื่อเปิดช่องโหว่ให้สำหรับผู้มีความรู้ความสามารถ

.สาธารณสุข แบ่งระดับของการบรรจุ 'พนักงานกระทรวงสาธารณสุข'ออกเป็น 3 กลุ่มคือ
(เพราะหลังจากนี้จะไม่มีคำว่า'ลูกจ้างชั่วคราว'อีกต่อไปแล้ว)

1. กลุ่มวิชาชีพซึ่งหมายถึงพยาบาลและวิชาชีพด้านสาธารณสุขอื่นๆ
2. กลุ่มพนักงานสายงานสนับสนุน 
3. กลุ่มสายงานผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม สธ. กำลังหารือกับสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อประเมินจำนวนกำลังคนที่ขาดแคลนในปีหน้าว่าจะบรรจุพยาบาลได้กี่อัตรา จากที่ขอไป 5,800 อัตรา เมื่อกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวส่วนหนึ่งได้บรรจุที่เหลือเปลี่ยนสถานะเป็น กสธ. ซึ่งมีสิทธิและสวัสดิการใกล้เคียงข้าราชการมากขึ้น ปีต่อไปก็จะบรรจุ กสธ. อีกส่วนเป็นข้าราชการไปเรื่อยๆ 

“ตั้งเป้าต้องผลักดันให้เสร็จใน 3 เดือน โดยสิ้นเดือน ต.ค .จะทราบจำนวนข้าราชการที่บรรจุได้ เดือน พ.ย. จะเร่งออกระเบียบ เดือน ธ.ค. จะผลักดันระเบียบต่างๆ จากนั้น เดือน ม.ค. 2556 จะบรรจุข้าราชการ และ กสธ. ซึ่งตั้งงบประมาณไว้ 1,700 ล้านบาท ในส่วนการบรรจุข้าราชการ 5,800 อัตรา คาดว่าจะใช้งบประมาณ 4,200 ล้านบาท” นพ.สุพรรณ กล่าว
ด้าน นางจินตนา ยูนิพันธุ์ นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวทางเรื่อง กสธ. เป็นทางออกในระยะยาว แต่ในระยะสั้นจะแก้ปัญหาพยาบาลลูกจ้างชั่วคราวอย่างไร เพราะรอบรรจุมา 7 ปีแล้ว ปัจจุบันมีลูกจ้างชั่วคราวกลุ่มนี้มีประมาณ 2.6 หมื่นคน และในจำนวนนี้ 45% ต้องต่อสัญญาปีต่อปี
    ก็นับว่าเป็นเรื่องดีกันดีทีเดียวนะครับ ที่ในทีสุดก.สาธารณสุข ยอมรับฟังความคิดเห็น (ไม่รู้เพราะโดนกดดันรึป่าวนะ- -*) และมีแผนชัดเจนออกมาแบบนี้ก็ติดตามต่อไปครับว่าจะดีไปได้ตลอดไหมหรือจะหยุดอยู่กลางคัน ^^ แต่ที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นอะไรไม่ได้ที่แม็กเองก็คงจะได้เป็น พนักงานกระทรวงสาธารณสุข ในไม่ช้าเหมือนกัน เพราะตำแหน่งของผมตอนนี้เรียกได้ว่า ก็อยู่ใน 1 ใน 3 (กลุ่มสายงานสนับสนุน) นั่นเอง เอาเป็นว่าหากหลังจากนี้แม็กมีความคืบหน้าอย่างไรต่อ แม็กจะรีบนำมารายงานเลยนะคร๊าบบบ ^_____^

     สำหรับค่ำคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ครับป๋ม

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รู้ทัน 'ไข้หวัด' หน้าหนาว

  แม่ค้าคนหนึ่ง :: หวัดๆ หวัดมาแล้วจ้าา .. 2 จาม 50  สามจาม ร้อยจ้าา ..หวัดด  จ้า สนใจไหมจ้า ..
  ผม :: ขอ 4 จามครับลดได้ไหมครับ  เอ๊ยยย !!

  เอาซะผมเคลิ้มตามกันเลยทีเดียวนะครับ (ไข้)หวัดนะ ไม่ใช่ไข่ไก่ที่จะมาหาแลกซื้ออะไรกันได้ง่ายๆ
มาคราวนี้ก็ไม่ต้องตกใจที่ผมเปิดตัวมาอย่างนี้ เพราะใน content นี้ผมมีข่าวสุขภาพมาฝากกันเพราะนี่ก็เข้าฤดูหนาวแล้ว (บางแห่งสั่นจนจะแข็งกันไปละ -_-' )  เราก็มาดูกันเลยดีกว่าว่าไข้หวัดคืออะไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง ....... ปู๊นนนน Next station ไข้หวัด Online เย้ยยย !! (- -' )

 ไข้หวัดคืออะไร
เชื้อหวัดเป็นเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่เล็กที่สุด เล็กกว่าเชื้อแบคทีเรียนับเป็น ร้อยเป็นพันเท่า ติดต่อทางไอจามน้ำมูก และเชื้อมักอยู่ในอากาศ เมื่อเราอ่อนแอ หรืออากาศเย็นและได้รับเชื้อก็ติดหวัดได้ เชื้อหวัดเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ แบ่งเป็นกลุ่มไวรัสหลักๆ ประมาณ 9 ชนิด แต่ละชนิดยังแยกไปอีกนับสิบสายพันธุ์ รวมกันแล้วจึงมีเกิน 100 ชนิด ( เนื่องจากมีมากชนิด จึงไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันหวัด ) เชื้อ เหล่านี้ทำให้เกิดโรคต่างกันไป ขึ้นกับสายพันธ์และ ความอ่อนแอของผู้ติดเชื้อ เช่น ไรโนไวรัส ( Rhinovirus ) อาจทำให้เกิดหวัดธรรมดา คันจมูกน้ำมูกไหล ไอ จามในผู้ใหญ่ แต่เชื้อเดียวกันนี้อาจทำให้เป็นปอดอักเสบติดเชื้อ คือมีไข้ ไอหอบเหนื่อย และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็กๆเป็นต้น ไวรัสบางตัวก็ทำให้เป็นหวัดคัดจมูกธรรมดา อาจมีเจ็บคอ คออักเสบ หรืออาจมี หลอดลมอักเสบ ซึ่งจะมีอาการไอมากตลอดเวลา และอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ ด้วยซึ่งจะมีอาการ ไข้ไอ หอบ เป็นต้น ไวรัสบางชนิดเช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่ อินฟลูเอนซ่าไวรัสบี ( Influenza virus B ) อาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เพลียลุกไม่ไหว หรืออาจมีแค่เจ็บคอมีน้ำมูกเฉยๆก็ได้ 

อาการเป็นอย่างไร
มีการจาม และน้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของเด็ก 2-3 ชั่วโมง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ในเด็กอาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น  และในผู้ป่วยที่มีไข้สูงมาก คลื่นไส้อาเจียน ไอบ่อยจนเหนื่อยหรือเจ็บอก หรือไอจนเสียงดังเหมือนหมาเห่า และในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ ควรรีบพาผู้ป่วยพบแพทย์ทันที

การติดต่อ
1. มือของเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อมแล้วขยี้ตา หรือเอาเข้าปากหรือจมูก
2. หายใจเอาเชื้อที่ผู้ป่วยที่ไอออกมา
3. หายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ

การป้องกัน- หลักเลี่ยงที่ชุมชน เช่นโรงภาพยนต์ ภัตรคาร ในช่วงที่ไข้หวัดกำลังระบาด
- ไอหรือจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือ ทิสชูปิดปาก หรือใช้หน้ากากอนามัย (Mask) ปิดปาก
- ให้ล้างมือบ่อยๆ
- ไม่เอามือเข้าปากหรือขยี้ตา เพราะอาจนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
- อย่าให้เด็กอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดเป็นเวลานาน
เป็นการยาก ที่จะป้องกันการติดเชื้อไข้หวัด ดังนั้นการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

   เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เห็นอย่างนี้แล้วเนี้ยหน้าหนาวนี้ก็ควรหาวิธีป้องกันตัวเองไว้ให้ห่างไกลจากหวัดกันดีกว่านะครับ จะได้ไม่พลาดทริปไหนๆๆ ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ถ้าพลาดไปก็คงแย่เลยเพราะกว่าจะฤดูหนาวอีกก็ต้องรอกันถึง 365 วันเลยทีเดียว สำหรับ content นี้แม็กขอจบลงไว้เพียงเท่านี้ก่อนดีกว่าครับ ติดตามผลงาน content ดีๆๆ จากผมนาย Mag  บ๊าย .บาย .........ปู๊นนนน สถานีต่อไป Go The hpprince (:-P 

เรียบเรียงเขียนบล็อก  Mr.Rocky Ricker (นายแม็กกี้) 
 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สอท.แจ้งยอด"ที่นั่ง"รอบแอดมิชชั่นกลาง ปี 56 แล้ว!!

    สวัสดีครับ หลังจากที่แม็กห่างเหินกันไปอีกแล้วกลับมากลับ content นี้แม็กขอกระโดดไปเอาใจน้องๆกลุ่ม มัธยมปลาย(ม.6) ที่กำลังหาที่ศึุกษาต่อระดับอุดมศึกษากันบ้างดีกว่านะครับ ซึ่งข่าวที่แม็กได้นำมาเขียนบล็อกในครั้งนี้ เป็นข่าวของจำนวนรับนักศึกษาใหม่ปี 56 รอบแอดมิชชั่นกลางมาฝากกันครับ เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่า มหาวิทยาลัยที่น้องๆ ใฝ่ฝันนั้นมี่จำนวนที่นั่งเท่าไหร่กันบ้าง ^^

ข้อมูลจาก สอท.ที่ได้เผยข้อมูลจำนวนการรับนักศึกษาใหม่ประจำปี 2556รอบแอดมิชชั่นกลาง           - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับ 16 คณะ 2,496 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 2,615 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับ 16 คณะ 1,881 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 1,766 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับ 20 คณะ 2,532 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 2,675 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รับ 4 คณะ 329 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 724 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับ 18 คณะ 3,541 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 3,591 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยนครพนม รับ 5 คณะ 580 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 505 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยพะเยา รับ 16 คณะ 2,524 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 2,510 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รับ 10 คณะ 1,345 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 1,610 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รับ 13 คณะ 1,991 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 2,346 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยศิลปากร รับ 10 คณะ 2,928 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 2,772 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลับสงขลานครินทร์ รับ 27 คณะ 3,297 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 3,608 ที่นั่ง)
          - มหาวิทยาลัยมหิดล รับ 18 คณะ 1,217 ที่นั่ง (ปี 2555 รับ 1,326 ที่นั่ง)

ส่วนมหาวิทยาลัยที่ยังไม่แจ้งจำนวนการรับนิสิต-นักศึกษาใหม่ของปี 2556 คือ
          - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          - มหาวิทยาลัยทักษิณ
          - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
          - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
          - มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
          - มหาวิทยาลัยนเรศวร
          - มหาวิทยาลัยบูรพา
          - มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
          - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
          - มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
          - มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
          - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
    
        เป็นไงกันบ้างครับ แต่เห็นตัวเลขแล้วน้องๆๆ ที่กำลังจะหมดก็อย่าเพิ่งน้อยใจหรือคิดมากไปก่อนนะครับ เพราะมหาวิทยาลัยบางส่วนยังไม่แจ้งยอดที่นั่ง และที่แจ้งมาแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่ม-ลดที่นั่งได้ครับ เพราะช่วงนี้ก็ยังอยู่ในฤดูกาลสอบรับตรงกันอยู่ บางสถาบันอาจไม่ได้ยอดนักศึกษาตามที่กำหนดไว้ ก็จะได้นำยอดที่เหลือมาเพิ่มในรอบแอดมิชชั่นกลาง ครับ ยังไงก็แม็กก็อยากให้น้องๆตั้งใจอ่านหนังสือ + ทำคะแนนสอบ GAT - PAT - O-Net ที่กำลังมาถึงทำคะแนนกันให้ดีๆๆนะครับ  และแม็กมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจะนำมาฝากกันครับ

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :: Dek-d.com 
เขียนบล็อก / เรียบเรียงข้อมูล :: นายแม็กกี้ (hpprince.thport.com)

 



วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ราชบัณฑิต ออกแถลงการณ์ยืนยันไม่แก้คำยืมภาษาอังกฤษ

    จากบทความนี้นะครับ ราชบัณฑิตแก้คำยืมภาษาอังกฤษ ให้ตรงกับเสียงที่ถูกต้อง     ที่แม็กได้เขียนบทความเอาไว้ วันนี้ราชบัณฑิตออกแถลงข่าวแล้วครับคุณผู้อ่าน ว่ายืนยันไม่แก้คำยืมจากภาษาอังกฤษให้ตรงกับเสียงที่อ่านที่ถูกต้อง ที่เป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้ 

เรามาดูแถลงการณ์ฉบับเต็มของราชบัณฑิตยสถานกัน
ลิงค์อ่านเพิ่มเติมนะครับ คลิกอ่านรายละเอียด.

แม็กขอหยิบยกบางส่วนที่สำคัญจากในแถลงการณ์มาเผยแพร่ละกันนะครับ สำหรับท่านใดที่อยากอ่านแบบเต็มคลิกอ่นาได้ตามลิงค์ข้างต้นนะครับ 

 “ผลการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะภายในองค์กรของราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับหลักการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะมีผลเป็นประการใด เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ข้อยุติ การแก้ไขคำยืมจากภาษาอังกฤษซึ่งใช้ในทางราชการ ทางการศึกษา มาเป็นเวลานาน หากมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีผลกระทบสำคัญต่อการใช้ภาษาไทยของหน่วยงานราชการ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ดังนั้น จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานและบุคคลดังกล่าวก่อน ตามหลักการพื้นฐานที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนที่จะพิจารณาดำเนินการไปในทางใดทางหนึ่ง และพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดพิมพ์นั้น ไม่ได้แก้ไขรูปแบบการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษตามที่เป็นข่าว ส่วนความคิดเห็นของประชาชนที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ ราชบัณฑิตยสถานจะรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป” เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าว

ในตอนท้าย เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน ได้กล่าวย้ำว่า ไม่มีการแก้ไขคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔


   สบายใจโล่งซะทีนะครับ นึกว่าจะได้ใช้ภาษาไทยแปลกๆกันซะแล้วสินะ :P 
  
เขียนบล็อกโดย นายแม็กกี้ Mr.Rocky Ricker 

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ราชบัณฑิตแก้คำยืมภาษาอังกฤษ ให้ตรงกับเสียงที่ถูกต้อง

  วันนี้หลังจากที่ผมนำรถไปเติมน้ำมัน"เบ็นซิน" เสร็จแล้วพอกลับถึง "แฝล็ต" ผมก็ไม่รอช้านั่งเข้าหา"ค็อมพิวเต้อร์" โดยทันที เพื่อสั่งซื้อ "คูป็อง"อาหารและตั๋วสำหรับ"ค็อนเสริต"  ทั้งๆที่คนในบ้านออกไป"คลิหนิก" รักษาโรค"แบ็คทีเรีย"

    สวัสดีครับทุกท่าน ไม่ต้องตกใจนะครับสำหรับบทความนี้หากเปิดตัวมาแล้วพบว่า แม็กใช้ภาษาวิบัติ หรือแปลกตาไปนะครับ นี่ก็คือเรื่องที่แม็กจะได้เกริ่นนำสำหรับบทความวันนี้ครับ

    บางส่วนจากเนื้อหาข่าว - สภาราชบัณฑิตส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเติมวรรณยุกต์และเปลี่ยนแปลงคำศัพท์ 176 คำที่เป็นคำยืมจากภาษาอังกฤษแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงต้องรอผลสำรวจจากกองศิลปกรรมที่ทำแบบสำรวจจำนวนทัั้งหมด 300 ชุดเกี่ยวกับการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 เพื่อสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก และผู้ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงการเขียนคำที่ยืมจากภาษาอังกฤษใหม่ ซึ่งวันที่ 31 ต.ค.จะเป็นวันครบกำหนดที่ทุกคนจะต้องส่งแบบสอบถามกลับไปที่กองศิลปกรรม หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าควรเปลี่ยน ก็จะนำไปบรรจุในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย สถาน พ.ศ.2554 ซึ่งกำลังดำเนินการปรับปรุงเพื่อจัดพิมพ์เล่มใหม่

คำศัพท์ทั้งหมด 176 คำแบ่งเป็นหมวดที่รอการแก้ไขมีดังต่อไปนี้ 

1. คำที่ใส่เครื่องหมายไม้ไต่คู้เพื่อแสดงสระเสียงสั้น ได้แก่

- ซีเมนต์ เปลี่ยนเป็น ซีเม็นต์
- เซต เปลี่ยนเป็น เซ็ต
- เซนติกรัม เปลี่ยนเป็น เซ็นติกรัม
- เซนติเกรด เปลี่ยนเป็น เซ็นติเกรด
- เซนติลิตร เปลี่ยนเป็น เซ็นติลิตร
- ไดเรกตริกซ์ เปลี่ยนเป็น ไดเร็กตริก
- เทนนิส เปลี่ยนเป็น เท็นนิส
- นอต เปลี่ยนเป็น น็อต
- นิวตรอน เปลี่ยนเป็น นิวตร็อน
- เนตบอล เปลี่ยนเป็น เน็ตบอล
- เนปจูน เปลี่ยนเป็น เน็ปจูน
- เบนซิน เปลี่ยนเป็น เบ็นซิน
- แบคทีเรีย เปลี่ยนเป็น แบ็คทีเรีย
- มะฮอกกานี เปลี่ยนเป็น มะฮ็อกกานี
- เมตริก เปลี่ยนเป็น เม็ตตริก
- เมตริกตัน เปลี่ยนเป็น เม็ตริกตัน
- แมงกานิน เปลี่ยนเป็น แม็งกานิน
- อิเล็ก ตรอน เปลี่ยนเป็น อิเล็กตร็อน
- เฮกโตกรัม เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตกรัม
- เฮกโตลิตร เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตลิตร

2. คำที่เปลี่ยนตัวพยัญชนะเป็นอักษรสูง ได้แก่
- คอร์ด เปลี่ยนเป็น ขอร์ด
- แคโทด เปลี่ยนเป็น แคโถด
- ซัลเฟต เปลี่ยนเป็น ซัลเฝต
- ไทเทรต เปลี่ยนเป็น ไทเถรต
- ไนต์คลับ เปลี่ยนเป็น ไน้ต์ขลับ
- พาร์เซก เปลี่ยนเป็น พาร์เส็ก
- แฟลต เปลี่ยนเป็น แฝล็ต
- สเปกโทร สโกป เปลี่ยนเป็น สเป็กโทรสโขป
- ไอโซโทป เปลี่ยนเป็น ไอโซโถป

3. คำที่ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์เอก ได้แก่

- กอริลลา เปลี่ยนเป็น กอริลล่า
- แกโดลิเนียม เปลี่ยนเป็น แกโดลิเนี่ยม
- แกมมา เปลี่ยนเป็น แกมม่า
- แกลเลียม เปลี่ยนเป็น แกลเลี่ยม
- คูเรียม เปลี่ยนเป็น คูเรี่ยม
- แคดเมียม เปลี่ยนเป็น แคดเมี่ยม
- แคลเซียม เปลี่ยนเป็น แคลเซี่ยม
- แคลอรี เปลี่ยนเป็น แคลอรี่
- โครเมียม เปลี่ยนเป็น โครเมี่ยม
- ซิงโคนา เปลี่ยนเป็น ซิงโคน่า
- ซิลิคอน เปลี่ยนเป็น ซิลิค่อน
- ซีเซียม เปลี่ยนเป็น ซีเซี่ยม
- ซีนอน เปลี่ยนเป็น ซีน่อน
- ซีเรียม เปลี่ยนเป็น ซีเรี่ยม
- โซลา เปลี่ยนเป็น โซล่า
- ดอลลาร์ เปลี่ยนเป็น ดอลล่าร์
- เทคโนโลยี เปลี่ยนเป็น เท็คโนโลยี่
- แทนทาลัม เปลี่ยนเป็น แทนทาลั่ม
- ไทเทเนียม เปลี่ยนเป็น ไทเทเนี่ยม
- เนบิวลา เปลี่ยนเป็น เนบิวล่า
- ไนลอน เปลี่ยนเป็น ไนล่อน
- แบเรียม เปลี่ยนเป็น แบเรี่ยม
- ปริซึม เปลี่ยนเป็น ปริซึ่ม
- ปิโตรเลียม เปลี่ยนเป็น ปิโตรเลี่ยม
- แพลทินัม เปลี่ยนเป็น แพลทินั่ม
- ฟังก์ชัน เปลี่ยนเป็น ฟังก์ชั่น
- ฟาทอม เปลี่ยนเป็น ฟาท่อม
- ไมครอน เปลี่ยนเป็น ไมคร่อน
- ยิปซัม เปลี่ยนเป็น ยิปซั่ม
- ยูเรเนียม เปลี่ยนเป็น ยูเรเนี่ยม
- เลเซอร์ เปลี่ยนเป็น เลเซ่อร์
- วอลเลย์บอล เปลี่ยนเป็น วอลเล่ย์บอล
- อะลูมิเนียม เปลี่ยนเป็น อะลูมิเนี่ยม
- อีเทอร์ เปลี่ยนเป็น อีเท่อร์
- เอเคอร์ เปลี่ยนเป็น เอเค่อร์
- แอลฟา เปลี่ยนเป็น แอลฟ่า
- ฮาห์เนียม เปลี่ยนเป็น ฮาห์เนี่ยม
- ฮีเลียม เปลี่ยนเป็น ฮีเลี่ยม

4. คำที่ใส่ ห นำเพื่อแสดงเสียงวรรณยุกต์เอก ได้แก่
- กะรัต เปลี่ยนเป็น กะหรัต
- แกรนิต เปลี่ยนเป็น แกรหนิต
- คลินิก เปลี่ยนเป็น คลิหนิก
- คาทอลิก เปลี่ยนเป็น คาทอหลิก
- คาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น คาร์บอเหนต
- คาร์บอลิก เปลี่ยนเป็น คาร์บอหลิก
- โคออร์ดิเนต เปลี่ยนเป็น โคออร์ดิเหนต
- รูเล็ตต์ เปลี่ยนเป็น รูเหล็ตต์

5. คำที่เติมเครื่องหมายวรรณยุกต์โท ได้แก่
- กลูโคส เปลี่ยนเป็น กลูโค้ส
- กิโลไซเกิล เปลี่ยนเป็น กิโลไซเกิ้ล
- กิโลเมตร เปลี่ยนเป็น กิโลเม้ตร
- กิโลเฮิรตซ์ เปลี่ยนเป็น กิโลเฮิ้รตซ์
- กีตาร์ เปลี่ยนเป็น กีต้าร์
- แกรไฟต์ เปลี่ยนเป็น แกรไฟ้ต์
- คาร์บอน เปลี่ยนเป็น คาร์บ้อน
- คาร์บูเรเตอร์ เปลี่ยนเป็น คาร์บูเรเต้อร์
- เคเบิล เปลี่ยนเป็น เคเบิ้ล
- โควตา เปลี่ยนเป็น โควต้า
- ชอล์ก เปลี่ยนเป็น ช้อล์ก
- ซอส เปลี่ยนเป็น ซ้อส
- โซเดียม เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยม
- ไดนาไมต์ เปลี่ยนเป็น ไดนาไม้ต์
- แทนเจนต์ เปลี่ยนเป็น แทนเจ้นต์
- แทรกเตอร์ เปลี่ยนเป็น แทรกเต้อร์
- นิกเกิล เปลี่ยนเป็น นิกเกิ้ล
- ไนต์คลับ เปลี่ยนเป็น ไน้ต์ขลับ
- ไนโตรเจน เปลี่ยนเป็น ไนโตรเจ้น
- บารอมิเตอร์ เปลี่ยนเป็น บารอมิเต้อร์
- บีตา เปลี่ยนเป็น บีต้า
- ปาทังกา เปลี่ยนเป็น ปาทังก้า
- ปาร์เกต์ เปลี่ยนเป็น ปาร์เก้ต์
- พลาสติก เปลี่ยนเป็น พล้าสติก
- ฟาสซิสต์ เปลี่ยนเป็น ฟ้าสซิสต์
- มอเตอร์ เปลี่ยนเป็น มอเต้อร์
- เมตร เปลี่ยนเป็น เม้ตร
- ไมกา เปลี่ยนเป็น ไมก้า
- ยีราฟ เปลี่ยนเป็น ยีร้าฟ
- เรดอน เปลี่ยนเป็น เรด้อน
- เรดาร์ เปลี่ยนเป็น เรด้าร์
- เรเดียม เปลี่ยนเป็น เรเดี้ยม
- ลิกไนต์ เปลี่ยนเป็น ลิกไน้ต์
- แวนดา เปลี่ยนเป็น แวนด้า
- อาร์กอน เปลี่ยนเป็น อาร์ก้อน
- แอนติบอดี เปลี่ยนเป็น แอนติบอดี้
- เฮิรตซ์ เปลี่ยนเป็น เฮิ้รตซ์
- ไฮดรา เปลี่ยนเป็น ไฮดร้า
- ไฮโดรเจน เปลี่ยนเป็น ไฮโดรเจ้น

6. คำที่เติมเครื่องหมายวรรณยุกต์ตรี ได้แก่


- กราฟ เปลี่ยนเป็น กร๊าฟ
- ก๊อซ เปลี่ยนเป็น ก๊อซ
- กอล์ฟ เปลี่ยนเป็น ก๊อล์ฟ
- เกาต์ เปลี่ยนเป็น เก๊าต์
- ออกไซด์ เปลี่ยนเป็น อ๊อกไซด์
- โคบอลต์ เปลี่ยนเป็น โคบ๊อลต์
- ดราฟต์ เปลี่ยนเป็น ดร๊าฟต์
- ดัตช์ เปลี่ยนเป็น ดั๊ตช์
- ดิสโพรเซียม เปลี่ยนเป็น ดิ๊สโพรเซี่ยม
- เดกซ์โทรส เปลี่ยนเป็น เด๊กโทรัส
- เต็นท์ เปลี่ยนเป็น เต๊นท์
- บาสเกตบอล เปลี่ยนเป็น บ๊าสเก้ต บอล
- บิสมัท เปลี่ยนเป็น บิ๊สมั้ท
- แบงก์ เปลี่ยนเป็น แบ๊งก์
- โบต เปลี่ยนเป็น โบ๊ต
- ปลาสเตอร์ เปลี่ยนเป็น ปล๊าสเต้อร์
- ปิกนิก เปลี่ยนเป็น ปิ๊กหนิก
- ออกซิเจน เปลี่ยนเป็น อ๊อกซิเย่น
- ออกซิเดชัน เปลี่ยนเป็น อ๊อก ซิเดชั่น
- ออกไซด์ เปลี่ยนเป็น อ๊อกไซด์
- อาร์ต เปลี่ยนเป็น อ๊าร์ต
- เอกซเรย์ เปลี่ยนเป็น เอ๊กซเรย์
- แอสไพริน เปลี่ยนเป็น แอ๊สไพริน
- แอสฟัลต์ เปลี่ยนเป็น แอ๊สฟัลต์
- โอ๊ด เปลี่ยนเป็น โอ๊ต

7. คำที่มีหลายพยางค์ ได้แก่

- คอนเดนเซอร์ เปลี่ยนเป็น ค็อนเด็นเซ่อร์
- คอนแวนต์ เปลี่ยนเป็น ค็อนแว็นต์
- คอนเสิร์ต เปลี่ยนเป็น ค็อนเสิร์ต
- คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนเป็น ค็อมพิ้วเต้อร์
- คอมมานโด เปลี่ยนเป็น ค็อมมานโด
- คอมมิวนิสต์ เปลี่ยนเป็น ค็อมมิวนิสต์
- คูปอง เปลี่ยนเป็น คูป็อง
- เครดิตฟองซิเอร์ เปลี่ยนเป็น เครดิตฟ็องซิเอร์
- แคดเมียม เปลี่ยนเป็น แค็ดเมี่ยม
- แคปซูล เปลี่ยนเป็น แค็ปซูล
- แคลเซียมไซคลาเมต เปลี่ยนเป็น แคลเซี่ยมไซคลาเมต
- ช็อกโกเลต/ ช็อกโกแลต เปลี่ยนเป็น ช็อกโกแล็ต
- เซนติเมตร เปลี่ยนเป็น เซ็นติเม้ตร
- โซเดียมคาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมคาร์บอเหนต
- โซเดียมไซคลาเมต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไซคลาเหมต
- โซเดียมไฮโดรเจนกลูทาเมต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไฮโดรเจ้นกลูตาเหมต
- โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เปลี่ยนเป็น โซเดี้ยมไฮโดร เจ้นคาร์บอเหนต
- ดีเปรสชัน เปลี่ยนเป็น ดีเปร๊สชั่น
- เทคโนโลยี เปลี่ยนเป็น เท็คโนโลยี่
- แทรกเตอร์ เปลี่ยนเป็น แทร็กเต้อร์
- แบดมินตัน เปลี่ยนเป็น แบ็ดมินตั้น
- แบตเตอรี่ เปลี่ยนเป็น แบ็ตเตอรี่
- พลาสมา เปลี่ยนเป็น พล้าสม่า
- โพแทสเซียม เปลี่ยนเป็น โพแท้สเซี่ยม
- เมนทอล เปลี่ยนเป็น เม็นท่อล
- แมงกานีส เปลี่ยนเป็น แม็งกานี้ส
- แมกนีเซียม เปลี่ยนเป็น แม็กนีเซี่ยม
- รีดักชัน เปลี่ยนเป็น รีดั๊กชั่น
- ลอการิทึม เปลี่ยนเป็น ล็อกการิทึ่ม
- สเปกตรัม เปลี่ยนเป็น สเป๊กตรั้ม
- สเปกโทรสโกป เปลี่ยนเป็น สเป็กโตรสโขป
- ออกซิเดชัน เปลี่ยนเป็น อ๊อกซิเดชั่น
- อัลตราไวโอเลต เปลี่ยนเป็น อัลตร้าไวโอเหล็ต
- แอกทิเนียม เปลี่ยนเป็น แอ๊กทิเนี่ยม
- แอนติอิเล็ก ตรอน เปลี่ยนเป็น แอ็นติอิเล็กตร็อน
- เฮกตาร์ เปลี่ยนเป็น เฮ็กต้าร์
- เฮกโตเมตร เปลี่ยนเป็น เฮ็กโตเม้ตร

   ยังไงก็ต้องรอติดตามผลวันที่ 31 ตุลาคนนี้ละครับว่าจะเป็นอย่างไร ก็อาจจะดีก็ได้มั้งครับแต่เพราะเป็นช่วงแรกๆ และทุกคนชินตากับแบบเดิม แต่ใช่ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับทุกคนนะผมก็เห็นด้วยเหมือนกันเพราะมันแปลกๆๆ และไม่แปลกที่ทุกคนจะมองว่ามันเป็นภาษาสก็อยอะไรประมาณนี้เนาะ ;)
  ถ้างั้นสำหรับ บทความนี้แม็กขอตัวก่อนละครับไม่ไหว เจอแบบนี้มาต้องขอตัวไปหา "อ็อกซิเย่น" มาใส่ก่อนละกันกว่าจะอ่านจบแล้วกลัวเป็นลมก่อน ดีไม่ดีอาจถึงขั้นหา "ปล้าสเต้อร์" ด้วยนะ อิอิ #pasasakoi
 By.นายแม็กกี้ Mr.Rocky Ricker 

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ค้นพบโรคใหม่ อาการคล้าย SLE แต่ไม่ใช่โรคเอดส์

     สวัสดีกันอีกคราครับ คุณผู้อ่าน วันนี้แม็กมีสาระน่ารู้เรื่องสุขภาพมาฝากกันเช่นเคย เป็นเรื่องสดๆร้อนๆ ที่แม็กจะได้นำมาให้กับคุณผู้อ่านได้ติดตามกัน นั่นคือ "การค้นพบโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ไม่ใช่โรคเอดส์ แต่มีลักษณะอาการคล้าย SLE" เป็นอย่างไร เชิญมาติดตามกันต่อครับ ...........

        โรคนี้ถูกค้นพบโดยทีมวิจัยจาก ม.ขอนแก่น ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี มข. ศ.พญ.เพลินจันทร์ เชษฐโชติศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. และทีมแพทย์ มข. ร่วมแถลงข่าว โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ใช่เอดส์Ž โดยศ.นพ.สุทธิพันธ์กล่าวว่า โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ใช่เอดส์ ถือเป็นโรคใหม่ที่วงการแพทย์ของโลกเพิ่งค้นพบ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ มข. วิจัยร่วมกันระหว่างแพทย์จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของไทย สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ศึกษาเรื่องโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ใช่โรคเอดส์ ช่วยให้การรักษาของหมอเป็นไปอย่างถูกทิศทางและแม่นยำ ช่วยชีวิตผู้ป่วยให้รอดพ้นจากโรคร้ายได้ ผลการศึกษาครั้งนี้ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์หลายฉบับ ที่ได้รับการอ้างอิงและเป็นที่ยอมรับสูง

 โดยในโรคนี้ในเบื้องต้นทีมวิจัยได้ทำการศึกษาและค้นคว้าจะกลุ่มผู้ป่วยทั่วประเทศพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้แล้วกว่า 120 รายและร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในแถบภาคอีสาน มีอัตราเฉลี่ยอายุ 20 ปีขึ้นไป 
รองอธิการบดีม.ขอนแ่ก่นกล่าว "โดยโรคภูมิคุ้มกันสายพันธุ์ใหม่นี้ มีลักษณะอาการคล้ายโรคพุ่มพวง หรือ โรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) และม่ใช่โรคเอดส์ (AIDS :Acquire Immunization deficiency syndrome) โดยเกิดการติดเชื้อจากไวรัส โดยร่างกายผู้ป่วยจะสร้างแอนติบอดีมายับยั้งเซลล์พวกไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติ เม็ดเลือดขาวและอวัยวะต่างๆในร่างกาย และผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วง มีผื่น ปวดตามข้อ มีโรคไต โรคเลือด  โดยผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคนี้จะอยู่ในกลุ่มของผู้ป่วยวัณโรค (TB:Tuberculosis ) ที่มีอากทีเรียหรือเชื้อรา โดยผู้ป่วยบางรายมีอาการผิวหนังอักเสบเป็นๆ หายๆ แต่จะไม่ติดเชื้อในกลุ่มของผู้ป่วยารแทรกซ้อนของแบคโรคเบาหวาน (DM:Diabetes Millitus) โรคนี้เรียกได้ว่าเป็นโรคทำลายเซลล์ตัวเอง"

ด้าน ศ.พญ.เพลินจันทร์ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า "โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ใช่เอดส์ ไม่ติดต่อและแพร่ระบาดระหว่างคนสู่คนแน่นอน ส่วนแนวทางการรักษานั้นขณะนี้จะใช้ยารักษาเฉพาะทางรักษาทีละโรคตามอาการนั้นไปก่อน เนื่องจากการรักษาในระดับสากลนั้น จะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่อผู้ป่วย 1 ราย รายละ 100,000 บาท โดยต้องสั่งยา RITUXIMAB จากสหรัฐอเมริกา จึงจะหายขาดได้ ต้องใช้ระยะเวลานาน จึงเป็นเรื่องที่ทีมวิจัยต้องเร่งคิดค้นการรักษาโรคดังกล่าวโดยเร็ว"  

         ก็เป็นสาระน่ารู้สุขภาพสดๆร้อนๆ ที่แม็กนำมาฝากกันนะครับ ก็ถือว่าถ้าใครที่คิดว่าอาจจะเข้าข่ายของโรค หรือว่าสงสัยว่าจะเป็นแม็กแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปพบแพทย์ที่สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านจะดีที่สุดครับ ^_^ และสำหรับโรคนี้นั้นหากแม็กมีความคืบหน้าอย่างไรอีกต่อจากนี้จะได้นำมารายงานกันต่อนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ  

ขอบคุณ อ้างอิงข่าว ไทยรัฐ  และ ข่าวสด ออนไลน์ครับ 
เรียบเรียงเขียนบทความ MaG Rocky ครับผม  

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำไม ...ถึงอยากเข้าค่าย Ywc

สวัสดีครับประจำเดือน กันยายน กลับมาพบกับแม็กกันอีกครั้ง วันนี้หลายท่านคงอาจสงสัยว่าเอ๊ะ วันนี้ผมมาแนวไหนเมื่อเห็นบทความ" ทำไม ..ถึงอยากเข้าค่าย Ywc " นั่นก็คือช่วงนี้เป็นการเปิดรับสมัครค่าย ywc รุ่นที่ 10 แล้วและผมก็ได้ส่งใบสมัครไปแล้วเช่นกัน แต่ผมจะมาตอบเหตุผลที่ควรให้ความสนใจกับค่ายนี้กันสำหรับใครๆหลายๆคนที่ยังไม่ทราบ เป็นข้อๆๆ เลยนะครับ ไปติดตามกัน


    1. เหตุผลข้อแรก ฟรี และมีสิทธิ์เข้าได้เฉพาะนักศึกษาระดับอุดมศึกษา (ป.ตรีใบแรกเท่านั้น)
    2. เหตุผลข้อสอง ค่ายนี้เป็นค่ายที่เมื่อได้เข้าค่ายไปแล้ว ไม่ใช่แค่การอบรม แต่หมายถึงการได้ลงมือ

                            ทำจริงๆ (Workshop)  มีกา่รระดมสมอง ความคิดกันกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่่นๆ  
                 พร้อมกับได้รับคำวิจารณ์และแนวคิดดีๆจากกรรมการด้านไอทีและอินเตอร์เน็ตชื่อดังด้วย
                                                    
     3. เหตุผลข้อสาม แม้ว่าเหตุผลสองข้อแรก จะน่าสนใจแค่ไหนก็ตามแต่ก็ใช่ว่าคุณจะสามารถที่จะได้

                             เข้าไปได้เลยเมื่อส่งใบสมัครไปแล้วนั่นเพราะว่า กระบวนการคัดเลือกจะเข้มข้น
                             ตั้งแต่คุณส่งใบสมัครไปเลยละ 
                              (3.1) กระบวนการคัดเลือกเข้มข้อย่างไร?? คำตอบคือ ใบสมัครของคุณจะถูกคัดเลือกโดยกรรมการด้านไอที ชื่อดังแบบบรรทัดต่อบรรทัดในใบสมัึคร และหากใบสมัครของคุณน่าสนใจพอละก็คุณก็อาจจะเป็น 1 ในทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกด่านแรกเข้ามาสัมภาษณ์็ และหากผ่าน การสัมภาษณ์ คุณก็เป็นสมาชิก ywc กันได้เลย ..
    4. เหตุผลข้อสี่  ค่ายนี้ไม่ใช่แค่คุณจะได้รับความรู้กลับไป แต่คุณอาจได้เพื่อนๆต่างมหาวิทยาลัย 

                         ต่างก๊วน ต่างกลุ่ม
                           
 และอีกสักเล็กน้อยแนะนำสำหรับ คุณผู้อ่านที่อาจจะเริ่มสนใจให้กับค่ายนี้กันแล้วบ้างนะครับ แต่เมื่อเห็นคุณๆได้เห็นใบสมัครกันแล้วในแต่ละสาขา ที่ต้องการจะเข้าปรากฎว่าไม่รู้จะเขียนใบสมัครอย่างไรดี  ผมขอตอบให้ได้เลยครับ ว่า "ใบสมัคร อะไรที่คุณคิดว่าเป็นตัวของคุณเองมากที่สุด และสาขาไหนที่คุณคิดว่าอยากจะเข้าร่วมในค่าย ywc มากที่สุด จงมั่นใจและสมัครไปเลยครับ และที่สำคัญที่สุดอย่าลืมแนบผลงานของคุณที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่คุณสมัครไปด้วยนะครับ"  

  เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบทความกันในครั้งนี้ถ้ามีข้อสงสัยอะไรตรงไหน หรืออยากแนะำนำติ-ชมอะไรสามารถทำได้ผ่าน Comment Facebook ท้ายบทความหรือภายใน Fanpage กันไ้ดนะครับ 

เขียนบล็อกโดย เจ้าเก่า MAG ..อ้างอิงจากประสบการณ์ที่เผชิญมาถึงรอบการสัมภาษณ์เป็น(ว่าที่) iYWC9 ปีที่แล้ว ..


วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ได้เฮกับชาว Backberry ได้ใช้ line กันแล้ว

ได้เฮกับชาว Backberry ได้ใช้ line กันแล้ว 

    บทความวันนี้แม็กว่าสาวกชาว BB:blackberry คงดีใจที่จะได้มี line ไว้คุยเหมือนกับเขาสักที วันนี้แม็กก็เลยจะได้นำบทความนี้มาให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้เข้ามาอัพเดตกัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา blackberry ได้ทำการอัพเดต line ให้ได้ใช้กัน แต่มีข้อแม้ว่า bb:backberry รุ่นนั้นต้องเป็นระบบ OS (ระบบปฏิบัติการ) 5.5.0 ขึ้นไปและ backberry มีความสะดวกกว่าระบบอื่นตรงทีี่แป้นพิมพ์แบบ Qwerty

                                    

ตรวจสอบรุ่นที่รองรับสำหรับ line bb
  • BlackBerry 8100
  • BlackBerry 8110
  • BlackBerry 8120
  • BlackBerry 8130
  • BlackBerry 8130m
  • BlackBerry 8220
  • BlackBerry 8230
  • BlackBerry 8230f
  • BlackBerry 8300
  • BlackBerry 8310
  • BlackBerry 8320
  • BlackBerry 8330
  • BlackBerry 8330m
  • BlackBerry 8350i
  • BlackBerry 8520
  • BlackBerry 8530
  • BlackBerry 8700c
  • BlackBerry 8700f
  • BlackBerry 8700g
  • BlackBerry 8700r
  • BlackBerry 8700v
  • BlackBerry 8703e
  • BlackBerry 8705g
  • BlackBerry 8707g
  • BlackBerry 8707h
  • BlackBerry 8707v
  • BlackBerry 8800
  • BlackBerry 8820
  • BlackBerry 8830
  • BlackBerry 8830m
  • BlackBerry 8900
  • BlackBerry 8910
  • BlackBerry 8980
  • BlackBerry 9000
  • BlackBerry 9100
  • BlackBerry 9105
  • BlackBerry 9220
  • BlackBerry 9300
  • BlackBerry 9310
  • BlackBerry 9320
  • BlackBerry 9330
  • BlackBerry 9350
  • BlackBerry 9360
  • BlackBerry 9370
  • BlackBerry 9380
  • BlackBerry 9500
  • BlackBerry 9520
  • BlackBerry 9530
  • BlackBerry 9550
  • BlackBerry 9630
  • BlackBerry 9650
  • BlackBerry 9670
  • BlackBerry 9700
  • BlackBerry 9780
  • BlackBerry 9788
  • BlackBerry 9790
  • BlackBerry 9800
  • BlackBerry 9810
  • BlackBerry 9850
  • BlackBerry 9860
  • BlackBerry 9900
  • BlackBerry 9930
  • BlackBerry 9981
   ดาวน์โหลด line For Backberry
>> คลิก DOWNLOAD <<
(ขอบคุณ link ดาวน์โหลดจาก 9tana.com)

วิธีการติดตั้ง line on BB 
 ศึกษาจาก Link นี้ได้เลยครับ Click

     ถ้าใช้งานแล้วประทับใจอย่างไรกัีนบ้างก็อย่าลืมเอามาแลกเปลี่ยน กันด้วยนะครับ เพราะผมก็ไม่ใช้ BB นะครับ เห็นข่าวแล้วเลยเอามาอัพเดตให้ชาวบล็อกได้ทราบกัน ส่วนตัวผมใช้ android ครับ ^^

เขียนบล็อกโดย นายแม็กเจ้าเก่า
ขอขอบคุณ อ้างอิงข้อมูลจาก   แหล่งข้อมูลที่ 1 [link]   แหล่งข้อมูลที่ 2 ติดตามวิธีการติดตั้ง [ link ]
                อ้างอิงข้อมูล และลิงค์ดาวน์โหลดจาก 9tana.com
                                         
            

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ํYWC10 : มาแล้วค่ายรักนักทำเว็บ

YWC10 : มาแล้วค่ายรักนักทำเว็บ

Young Webmaster Camp 10
        
         ทักทายครับ คุณผู้อ่านกับเดือนสิงหาคมกัีบผมนายแม็กเช่นเคย ก็เพิ่งผ่านพ้นไปกับเทศกาลวันแม่แห่งชาตินะครับ ผู้อ่านท่านไหนได้พาแม่ไปเที่ยว หรือได้อยู่กับแม่บ้าง คงจะมีความสุขกลับมากันไม่น้อยทีเดียวนะครับ วันนี้แม็กก็มีข่าวประชาสัมพันธ์ครับ เกี่ยวกับค่ายทำเว็บรุ่นเยาว์ ถ้าอยากรู้ติดตามกันเลย.....

ค่ายนี้คือค่ายอะไร YWC
     ค่าย YWC หรือ Young Webmaster Camp ซึ่งปีนี้จัดเป็นรุ่นที่ 10 กันแล้ว เป็นค่ายสำหรับน้องๆเพื่อนๆที่กำลังศึกษาอยู่ ระดับชั้นปริญญาตรี(ใบแรก) และรักการทำเว็บไซต์ เป็นค่ายเชิงปฏิบัติการที่ทุกคนจะได้ลงมือทำ Workshop และนำเสนอผลงานกับทีมกูรูด้านไอทีและอินเตอร์เน็ตชื่อดัง โดยเปิดเข้าร่วมค่ายทั้งหมด 4 สาขาคือ Webmarketing ,Web Design ,Web Content และ Web Programming

ค่ายนี้เหมาะสำหรับใคร
   น้องๆเพื่อนๆ ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี และเป็นปริญญาตรีใบแรกเท่านั้น ไม่จำกัดสาขา

สมัครอย่างไร ถ้าต้องการเข้าร่วมค่าย
  สมัครได้ที่ Site : ywc.in.th  และเลือกสาขาที่เราสนใจมากที่สุด (ก่อน 28 กันยายน 55)
  รอการคัดเลือกและการประกาศผลทางหน้าเว็บไซต์

เข้าค่ายที่ไหนเมื่อไหร่
เข้าค่ายที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก วันที่ 20 -23 ตุลาคม 2555

โจทย์ที่ท้าทาย รออยู่..ในปีนี้
เว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ ทุกเครื่อง ทุกที่ ทุกเวลา

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับ และถ้ายังต้องการข้อมูลอะไรมากกว่านี้สามารถติดตามรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ YWC ,บล็อกรุ่นพี่ YWC หรือไม่ก็ ลองสมัครเข้าค่ายกันเลยดีกว่าครับ :) 

เขียนบล็อกโดย นายแม็กกี้ 
ขอบคุณข้อมูลจาก Ywc

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

B084 Hand Foot Mouse disease (โรค มือ เท้า ปาก)

B084 Hand Foot Mouse disease (โรค มือ เท้า ปาก)

      สวัสดีครับคุณผู้อ่านประจำบล็อกแม็ก กลับมาพบกับแม็กกันอีกแล้วปลายเดือนกรกฎาคมนี้ วันนี้แม็กก็มีสาระสุขภาพมาฝากกัน วันนี้แม็กขอนำเสนอโรคมือ เท้า ปาก ที่กำลังเป็นข่าวฮิตอยู่ในขณะนี้ และตามสถานพยาบาลต่างๆก็กำลังเฝ้าระวังอยู่นั่นเอง  แล้วเราจะมีวิธีการทราบโรคเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง และจะป้องกันตัวเองอย่างไรไปดูพร้อมๆกันๆเลยครับ ...

โรคมือเท้าปาก  Hand foot mouth Disease
 เป็นโรคที่มักพบการติดเชื้อในกลุ่มทารกและเด็กเล็ก แต่บางรายจะมีอาการรุนแรง ขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัสที่มีการติดเชื้อส่วนใหญ่พบในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี มีอาการไข้ร่วมกับตุ่มเล็กๆ เกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง หายได้เอง 

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enteroviruses ที่พบเฉพาะในมนุษย์ ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โรคปากเท้าเปื่อยส่วนใหญ่เกิดจาการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า coxsackie A16 (ส่วนใหญ่ประเทศไทยจะพบเชื้อนี้ มักไม่รุนแรง) เด็กจะหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน ส่วนที่เกิดจากEnterovirus 71 ส่วนใหญ่พบตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ค่อยพบในประเทศไทยและมักแทรกซ้อนกับโรคอื่นมาก อาจเป็นแบบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ Aseptic meningitis ที่ไม่รุนแรง หรือมีอาการคล้ายโปลิโอ ส่วนที่รุนแรงมากจนอาจเสียชีวิตจะเป็นแบบสมองอักเสบ encephalitis ซึ่งมีอาการอักเสบส่วนก้านสมองทำให้หมดสติ หากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจะทำให้เกิดหัวใจวาย ความดันโลหิตจะต่ำ มีอาการหัวใจวาย และ/หรือมีภาวะน้ำท่วมปอด

อาการ 
    - ไข้  มีอาการไข้สูงอาจเกิน 39 องศาเซลเซียส 2 วันแล้วจะมีไข้ต่ำๆ ประมาณ 37.5 - 38.5 องศาเซลเซียส อีก 3-5 วัน 
    - เจ็บคอเจ็บในปากกลืนน้ำลายไม่ได้ ไม่กินอาหาร 
    - พบตุ่มแผลในปาก ส่วนใหญ่พบที่เพดานอ่อนลิ้น กระพุ้งแก้ม อาจมี 1 แผล หรือ 2-3 แผล ขนาด 4-8 มิลลิลิตร เป็นสาเหตุให้เด็กไม่ดูดนม ไม่กินอาหารเพราะเจ็บ 
   - ปวดศีรษะ 
   -  พบตุ่มพอง (vesicles) สีขาวขุ่นบนฐานรอบสีแดง ขนาด 3-7 มิลลิเมตร บริเวณด้านข้างของนิ้วมือ นิ้วเท้า บางครั้งพบที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ส้นเท้า ส่วนมากมีจำนวน 5-6 ตุ่ม เวลากดจะเจ็บ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยแตกเป็นแผล จะหายไปได้เองในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์  
   - เบื่ออาหาร 
   - เด็กจะหงุดหงิด 
   - ในเด็กโตจะบ่นปวดศีรษะ ปวดหลัง อาจมีอาเจียน เจ็บคอ น้ำลายไหล จากนั้นจะพบตุ่มพองใส ขนาด 1-2 มิลลิเมตร 2 ข้างของบริเวณเหนือต่อมทอนซิล (anteriar fauces) ซึ่งอาจแตกเป็นแผล หลังจากระยะ 2-3 วันแรก แผลจะใหญ่ขึ้นเป็น 3-4 มิลลิเมตร จะเห็นเป็นสีขาวเหลืองอยู่บนฐานสีแดงโดยรอบ ทำให้มีอาการเจ็บคอหรือกลืนลำบากเวลาดูดนมหรือกินอาหาร เด็กจะมีอาการน้ำลายไหล ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 3-6 วัน ยังไม่เคยมีรายงานการเสียชีวิต   

 การติดต่อ
   - ติดต่อทางอุจจาระ  แผลของผู้ป่วย 
   - การไอ จาม ของผู้่ป่วย 

การป้องกัน 
  -  พยายามรักษาสุขอนามัยให้สะอาด ก่อนรับประทานก็ให้ล้างมือให้สะอาด เป็นต้น 

รหัสการวินิจฉัยโรค ( ICD-10 )
  ICD-10 ฉบับ WHO การวินิจฉัยโรคมือ เท้า ปากเปื่อย คือ B084 Hand,foot and Mouth disease
 



   เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับสาระสุขภาพดีๆ ที่แม็กนำมาฝากให้กับคุณผู้อ่านได้ติดตามกันในวันนี้ สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยอยากซักถามสามารถโพสต์ที่กล่อง comment ที่ท้ายบทความนี้ได้เลยครับ แล้วครั้งหน้าแม็กจะมีบทความอะไรมาฝากกันอีก ก็อย่าลืมติดตามกันนะครับ ^_^

เขียนบล็อกโดย นายแม็กกี้ 
ขอบคุณอ้างอิงข้อมูล ๑) [ Link ]
                               ๒) ข้อมูลรหัสการวินิจฉัยโรคจาก ICD-10 WHO 2010

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

A90 โรคไข้เลือดออก ...ในหน้าฝน

(สาระสุขภาพ) A90 โรคไข้เลือดออก... ในหน้าฝน

         ช่วงนี้ก็เข้าสู่หน้าฝนกันเรียบร้อยแล้วนะครับ หลายๆพื้นที่ หลายๆจังหวัดคงประสบปัญหากับฝนตกหนัก ฝนตกไม่เป็นเวลากันบ้าง ก็เริ่มเซ็งๆกันไป ในวันนี้ครับแม็กเลยมีสาระสุขภาพในช่วงหน้าฝน มาฝากกันนั่นก็คือ โรคไข้เลือดออก มียุงลายเป็น พาหะันำโรคอย่างที่เราได้ทราบกันดี  และโรคนี้มีอาการอย่างไร

ที่จะทำให้เราสังเกตได้ และมีวิธีการป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้เป็น "ไข้เลือดออก" ดังนี้ครับ
 
 การติดต่อของโรค
ติดต่อผ่านทางน้ำลายของยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก

อาการที่สำคัญ

     - ไข้สูงลอย ประมาณ 39-40°C นาน 2-7 วัน มักมีหน้าแดง ปวดหัว ปวดตา ปวดเมื่อยตามตัว
     - มีหลักฐานเลือดออกง่าย: จุดเลือดออก จ้ำเลือด อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำ เลือดออกทางเยื่อบุ ทางเดินอาหาร ตำแหน่งที่ฉีดยา หรืออื่นๆ
      - ตรวจพบเกร็ดเลือด < 100,000 รัดแขนพบจุดเลือดออก (Tourniquet test ≥10จุด/ตารางนิ้ว) ตับโต    
    - มีการรั่วซึมของพลาสมา: ความเข้มข้นเลือดสูงขึ้น ≥ 20% ระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวหรือช็อคมักจะเกิดช่วงไข้ลด โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น รอบปากสีเขียว ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ

หากพบว่ามีผู้ป่วย หรือคนรอบข้างมีอาการดังกล่าว ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
    

    - ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก
    - เช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นบ่อยๆ โดยใช้ผ้าชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดลูบเบาๆ บริเวณหน้า ลำตัวแขนและขา แล้วพักไว้บริเวณหน้าผาก ซอกคอ รักแร้ แผ่นอก แผ่นหลังและขาหนีบ สลับกันไปมา ทำติดต่อกันอย่างน้อยนาน 15 นาที แล้วให้ผู้ป่วยสวมเสื้อผ้าบางๆ นอนพักผ่อน
     - ให้รับประทานยาลดไข้ พาราเซตามอล เวลามีไข้สูงหรือปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โดยให้ห่างกันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ห้ามรับประทานยาลดไข้ชนิดอื่น โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยาซองลดไข้ทุกชนิดหรือยาพวกไอบรูโพรเฟน เพราะอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือตับวายได้
     - ห้ามฉีดยาเข้ากล้ามและไม่รับประทานยาอื่นที่ไม่จำเป็น
     - ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) หรือน้ำผลไม้ใส่เกลือเล็กน้อย ถ้ามีคลื่นไส้อาเจียนไม่สามารถดื่มได้ ให้จิบครั้งละน้อยๆ บ่อยๆ ไม่ควรดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว
     - และถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรส่งผู้ัป่วยพบแพทย์เพื่อทำกา่รรักษาต่อไป

อาหาร
ควรเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย รสไม่จัด เช่น นม ไอศรีม ข้าวต้ม เป็นต้น

การป้องกันตนเองจากไข้เลือดออก 
  - ทำการสำรวจภาชนะที่ไม่ได้ใช้งานว่ามีน้ำขังอยู่หรือไม่ หากมีให้ทำการคว่ำภาชนะนั้น เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย 
  - ใส่ทรายอะเบทตามร่องระบายน้ำ หรือ ใส่ปลาหางนกยูงที่บ่อน้ำ เพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลาย
  -  ไม่ตากฝนเป็นเวลานานๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองไข้สูง และทำการสำรวจสุขภาพตนเอง หากมีอาการไข้สูงมากกว่า 4 -5 วันควร พบแพทย์ โดยสันนิษฐานว่าอาจเป็นไข้เลือดออกก็ได้

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับสาระสุขภาพที่แม็กนำมาฝากคุณผู้อ่านกันในวันนี้ อย่างไรก็ดีควรป้องกันตัวเองไว้ดีที่สุดครับ เพราะช่วงนี้จะเห็นได้ว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีผู้ป่วยไข้เลือดออกกันพอสมควร ก็อยากจะให้ทุกท่านดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
            ..ด้วยความปราถนาดีจาก  นายแม็กกี้ จพ.เวชสถิติ รุ่นที่ 36 รพร.นครไทย 

รหัสการวินิจฉัยโรคไข้เลือดออก 

      จากชื่อ"บทความวันนี้ A90 โรคไข้เลือดออก ...ในหน้าฝน" หลายคนคงสงสัยว่า A90 คืออะไรใช่ไหมครับ?? แม็กก็เลยจะมาขอไขความกระจ่างให้ได้ทราบกัน?? 
ตอบ นั่นก็คือรหัสโรคของโรคไข้เลือดออก เพราะแม็กเป็นเวชสถิติ ซึ่งมีหน้าที่ในการให้รหัสโรคตามที่แพทย์วินิจฉัยนั่นเอง และสำหรับ A90 ก็คือ Dengue Fever (หรือโรคไข้เดงกี่ หรือ ไข้เลือดออกธรรมดานั่นเอง) และสำหรับ A91 Dengue Hemorrhagic Fever (DHF) คือโรคไข้เลือดออกชนิดที่อาจจะมีความรุนแรงขึ้นมาอีกระดับหนึ่งจาก A90 ขึ้นมาได้นั่นคือ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการช็อก หรือเลือดออกนั่นเอง 


เขียนบล็อกโดย O นายแม็กกี้ O
ขอบคุณ ข้อมูลจาก [Link]

แสดงความคิดเห็นบนบล็อกนายร็อกกี้ ผ่าน FB